to be supposed to (ขอระบายและสอนไปในตัว )

วันนี้เกิดมีการถกเถียงกันเรื่องงานนิดหน่อย ประมาณว่าพูดออกมาทั้งที่รู้ว่ายังไงก็ต้องเป็นแบบเดิม หรือว่า ยังไงก็ไม่เป็นไปตามที่พูดหรอก

สถานะการณ์

ทุกๆครั้งที่เกิดปัญหายังไงก็ต้องมาตกที่เราอยู่ดี แต่ก็ยังพูดมาว่าเราไม่ต้องรับผิดชอบหรอกผมก็พูดในใจว่า

supposed to be like that ( มันก็ควรจะเป็นแบบนั้นแหละ แต่มันไม่เป็น )

และนี่แหละครับการใช้ to be supposed to

ตัวอย่างเพิ่มเติม

I’m supposed to be doing hw but im on twitter lol procrastination ( จาก twitter )

ฉันควรจะทำการบ้านซะแต่เล่นทวิเตอร์อยู่ได้ พลัดวันประกันพรุ่งไปเรื่อย ( แปลตามอารมณ์ )

ความหมายอีกนัยหนึงคือ ความหมายนี้ to be supposed to คล้าย ๆ กับ ควรจะ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่ามันอาจไม่เกิดขึ้น

อย่าลืมตัว D ตอนท้าย suppose ด้วยนะครับ 😀

OMG คืออะไร

ถ้าใครเล่น twitter อยู่ก็จะคุ้นเคยกับคำนี้ดีนะครับ วันนี้ก็เลยจะมาเฉลยว่ามันคืออะไร

OMG ไม่ใช่ โอเมก้า นะครับ แต่มันหมายถึง Oh My God นั่นเองครับ

ความหมายของคำนี้ก็คงจะไม่ต้องอธิบายอะไรกันมากนะครับเห็นกันในหนังทุกเรื่องอยู่แล้วครับ

มันจะมีความหมายคล้ายกับ “wow” หรือ “I can’t believe it”. ในการอุทานครับ

ทีนี้ก็เอาไป post กันอย่างมั่นใจได้แล้วนะครับ

อยากพูดได้ถูกต้องจำเป็นต้องมีตัวช่วย

แน่นอนครับทุกคนจะต้องมี ตัวแปลภาษาไม่ว่าจะเป็นหนังสือหรือโปรแกรมแต่ถึงเราจะได้ศัพท์มากมายแต่เอามาใช้ไม่ได้ก็เท่านั้นถูกมั้ยครับ

แต่ถ้าให้เราไปนั่งเรียน grammar structure กันตั้งแต่ต้นก็คงไม่ทันกิน เพราะฉนั้นวันนี้ผมจะมาบอกเคล็ดลับของผมให้ฟัง

1.ผมเริ่มจากคำศัพท์ที่ผมอยากจะพูดก่อนเช่นผมอยากพูดคำว่า “ทำไมวันนี้คนเยอะจัง”

2.แยกศัพท์ออกมาผมได้คำว่า why(ทำไม),today(วันนี้ ),people (ผู้คน ),many หรือ much ( มาก )

3.พิมพ์ทั้งหมดโดยที่ไม่ต้องถูกไวยกรณ์ลงไปใน google หรือ twitter (ผมใช้ทั้งสองเพื่อหาคำที่หลากหลาย ) ดังนี้ “why today people many much” (สังเกตุดีดีนะครับ ทั้งมั่วทั้งมีคำซ้ำกัน )

4.จากข้อสามผลที่ได้ออกมาผมเห็นอยู่หลายประโยคที่คล้ายๆกันสรุปก็คือได้คำนี้มา why today many people หรือ why many people today

เห็นมั้ยครับไม่มีคำว่า much เพราะเค้าไม่ใช้กันแล้วก็ยังมีอีกหลายๆคำที่ใกล้เคียงกัน และอยากให้ทุกคนทำแบบนี้บ่อยๆแล้วมันจะชินไปเองครับ

หรือติดตามใน blog นี้ก็จะได้วิธีการแปลกๆที่จะทำให้ภาษาคุณดีขึ้น ถ้าใครมีวิธีการแปลหรือตัวช่วยแปลกๆก็มาแชร์กันได้เลยนะครับ

ถามทางกันให้เป็นจะได้ไม่หลง ( asking for direction )

อันนี้จากประสบการณ์จริงที่สิงคโปร์เลยครับ ด้วยความที่ได้ออกเดินทางแรกๆ เราก็ไม่ได้เตรียมอะไรไปมากนักแล้วก็ไม่ได้เตรียมใจไปเพื่อจะหลงซะด้วย แต่ปรากฏว่าหลงครับผมแล้ววันนั้นก็นึกไม่ออกซะด้วยว่าต้องถามทางยังไงแล้วก็ไม่กล้าถามอีกต่างหาก สรุปคือนั่งรถลองดูไปเรื่องเสียเวลาไปเป็นวันโดยที่ไม่ได้ทำอะไรเลย เพราะความที่ไม่กล้าแท้ๆ ถ้าเป็นเมืองที่ใหญ่ก็คงไม่ได้กลับประเทศแล้ว ถ้างั้นวันนี้เรามาฝึกพูดเพื่อไม่ให้หลงกันดีกว่านะครับ

1.Excuse me , How do i get to the BTS? ( ขอโทษนะครับ ผมจะไปรถไฟฟ้าได้อย่างไรครับ )

2.Excuse me , How do i get to the Victory Monument? ( ขอโทษนะครับ ผมจะไปอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิได้อย่างไรครับ )

3.Excuse me , Could you tell me how to get to the BTS ? ( ขอโทษนะครับ คุณช่วยบอกวิธีไปรถไฟฟ้าหน่อยได้ไหมครับ )

เห็นไหมครับแค่เราจำแค่ประโยคเดียวก็ทำให้เราไม่หลงแล้วครับ เราเพียงแค่เปลี่ยนคำนามที่เป็นสีฟ้าเป็นชื่อสถานที่ที่เราจะไปก็ได้แล้วครับ

แต่อย่างลืม Excuse me หน้าประโยคด้วยนะครับ เพราะคนฟังจะได้อยากช่วยเราหน่อยครับ อย่าพูดห้วนๆ

แล้วเอาไปใช้กันนะครับ

ASAP ย่อมาจากอะไร

asap นี้ใช้กับเพื่อนฝูง และคนที่เรารู้จักทางธุรกิจจะดีกว่า วลีนี้แปลว่า เร็วที่สุดที่คุณทำได้

ดังนั้นเราต้องหาวลีที่ให้ความหมายเดียวกันแต่ฟังแล้วสุภาพ at your earliest convenience อาจเป็นวลีที่เหมาะกว่าสำหรับผู้ใหญ่ ดูสามประโยคต่อไปนี้สิครับ

Please reply ASAP. (ขอตอบเร็วที่สุดครับ)
Please reply at your earliest convenience. (ขอตอบเมื่อท่านสะดวก … แต่ขอเร็วหน่อยได้ไหมคะ)
If you could reply as soon as possible I would be most grateful. (ถ้าท่านได้ตอบอย่างเร็วดั๊นก็คงรู้สึกปลื้มปีติมากฮะ)

ขอขอบคุณ andrewbiggs.com

ฉันไม่ได้ตั้งใจ พูดว่าไง

เมื่อคืนได้ดูหนังเรื่องหนึ่งชื่อว่า sucker punch แล้วมีคำพูดอยู่คำนึงที่จะเล่าสู่กันฟังคือคำว่า “ฉันไม่ได้ตั้งใจ”

เป็นฉากที่พ่อครัวจะทำร้ายผู้หญิงคนหนึ่งแล้วเพื่อนเข้ามาช่วยแล้วพ่อครัวก็พูดว่า

“I didn’t mean nothing”

ออกเสียงว่า “ไอ ดิ๊น มีน น็อทธิง”  ลองเอาไปใช้กันนะครับ

อวยพรวันเกิดแบบไม่เป็นทางการ

พอดีวันนี้เป็นวันเกิดของพี่ที่บริษัทแล้วก็แน่นอนครับว่าต้องอวยพรกันเป็นธรรมดา วันนี้เลยเอาคำอวยพรมาลงกันให้อ่านเล่นเล่น แบบไม่เป็นทางการ เอาไปใช้กันดูได้เลยนะครับ
  • Make a wish! May all your wishes come true.
    Happy Birthday to you!
  • อธิษฐานสิ! และขอให้ทุกคำอธิษฐานเป็นจริงนะ
    สุขสันต์วันเกิด
  • Wishing you special happiness , wonderfully memories
    And all the best on your Birthday and every day!
  • ขอให้เธอมีความสุขที่แสนพิเศษ มีความทรงจำอันแสนมหัศจรรย์ และมีแต่สิ่งดีๆที่ดีที่สุดในวันเกิดของเธอ และในทุกๆวันนะ!
  • Happy Birthday
    Thought’s of you
    Keep you close to my heart
    I hope you have a great day!
  • สุขสันต์วันเกิด คิดถึงเธอนะ มีเธออยู่เสมอในใจนี้
    ขอให้มีวันเกิดที่แสนดีนะจ๊ะ!
  • We are sending you this Birthday greeting
    Because we want to remind you
    That you are
    Very precious to us!
  • พวกเราส่งความสุข มาให้ในวันเกิดของเธอ
    เพราะอยากเตือนใจเธอให้รู้ไว้ ว่าเธอน่ะ เป็นรักที่ยิ่งใหญ่ของเรานะ
  • I hope Your birthday is special
    Because You are special to me!
  • ฉันหวังว่า วันเกิดของเธอคงจะพิเศษสุดนะ
    เพราะว่า เธอคือคนพิเศษสำหรับฉัน
  • Happy Birthday
    May your day
    Be filled with life’s simple joys
    And wraped in
    The love you deserve.
  • สุขสันต์วันเกิด ขอให้วันคืนของเธอ
    เต็มไปด้วยความชื่นบานแห่งชีวิต และถูกห่อหุ้มด้วย ความรักที่เธอสมควรที่จะได้รับ
ใครมีคำอวยพรเด็ดๆโดนๆแบบวัยรุ่นเป็นภาษาอังกฤษก็ฝากไว้ใน comment ให้เพื่อนๆได้อ่านกันเลยนะครับ

การใช้่ Should have + V3/ Should’ve + V3

เรื่องนี้ อยากให้ใช้ความรู้สึกในการทำความเข้าใจหน่อยนะ…เป็นภาษาที่สวยมาก

ถ้าพูดว่า I should have done แปลว่า ฉันควรจะทำมันไปแล้ว (แต่จริงๆ ไม่ได้ทำ)

หรือ I should have told you แปลว่า ฉันควรจะบอกคุณไปแล้ว (แต่จริงๆ ไม่ได้บอก)

พอดีเจอเพลงของ Taylor Swift ก็อดใจไม่ได้ที่ต้องมาสอน จากเนื้อเพลงข้างล่างก็จะมี หลายๆ ประโยค เช่น

You should’ve said no หรือ You should have said no แปลว่า คุณควรจะตอบปฏิเสธไป (แต่จริงๆ ตอบตกลง)

You should’ve gone home หรือ You should have gone home แปลว่า คุณควรจะกลับบ้านไปแล้ว (แต่จริงๆ ไม่ได้กลับไป)

You should’ve thought twice หรือ You should have thought twice แปลว่า คุณควรจะคิดอีกรอบนึง (แต่จริงๆ คิดแค่รอบเดียว)

You should’ve known that word หรือ You should have known that word แปลว่า คุณควรจะรู้จักคำๆ นั้น(แต่จริงๆ ณ ตอนนั้น ไม่รู้จัก)

I should’ve been there หรือ I should have been there แปลว่า ฉันควรจะอยู่ที่นั้น (แต่จริงๆ แล้วไม่ได้อยู่ที่นั้น)

การใช้ a few, few, a little, and little

Few แปลว่า 2-3 หรือ เล็กน้่อย

Little แปลว่า เล็กน้อย

มาดูตารางข้างล่างนี้ดูกันนะ

Positive ที่ว่าหมายถึง ถ้าเนื้อหาที่พูดถึงเป็นแง่บวก ก็ให้ใช้ A few หรือ A little

Negative ที่ว่าหมายถึง ถ้าเนื้อหาที่พูดถึงเป็นแง่ลบ ก็ให้ใช้ few หรือ little

เช่น

She has been here only three days, but she has already made a few friends. (+)
เธอมาอยู่ ที่นี่เพียงแค่ 3 วันแต่เธอก็มีเพื่อนได้สองสามคนแล้ว [ถึงว่าเก่งนะ]

A little sunshine is better than none. (+)
แสงแดดเพียงเล็กน้อย ก็ยังดีกว่าไม่มีเลย

I feel sorry for her. She has very few friends. (-)
ฉันรู้สึกสียใจแทนเธอ เธอมีเพื่อนน้อยมากๆ

I have very little money and I don’t have enough money to go home. (-)
ฉันมีเงินอยู่น้อยมาก และมันก็ไม่พอที่จะกลับบ้าน

ลอง ฝึกทำโจทย์จาก Web นี้ดูได้นะ http://www.better-english.com/grammar/few.htm

การใช้ There is/There are (มี)

บางที่เราก็เขียนย่อๆ ว่า There’s หรือ There’re

There is an apple on the table.

There are some apples on the table.

จากการที่เรารู้มาว่า Verb to be ประกอบไปด้วย is/am/are  was/were  been

ดังนั้น รูปแบบอื่นๆ ของ there is/there are เช่น there was/ there were/ there has been/ there have been ล้วนแปลว่า มี

  • There were five people at my house yesterday. (มี ความหมายในอดีต)
  • There have been so many people in the shop since this morning. (มี ในช่วงระยะเวลา ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน)
  • There will be a party at John’s house next month. (มี ในอนาคต)
  • There will be no force (จะไม่มีการใช้กำลัง)

ส่วนใหญ่นักเรียนมักจะใช้ Has หรือ Have ที่แปลว่า มี ซึ่งมักจะใช้กันผิดๆ

  • Have a lot of food on the table.
  • It has a lot of food on the table.
  • There have a lot of food on the table.
  • There is a lot of food on the table.

มาดูรูปแบบต่างๆ  ครับ

บอกเล่า (Statements)

  • There’s a bird in my garden.
  • There are books on the desk.

ปฏิเสธ (Negatives)

  • There isn’t a phone in my bedroom.
  • There aren’t any restaurants here.

คำถาม (Questions)

  • Is there a restaurant here?
  • Yes, there is. / No, there isn’t